วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2567) มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ในโอกาสที่ดำเนินงานก้าวเข้าสู่ปีที่ 39 จึงร่วมกับ ตัวแทนเครือข่ายเยาวชนและองค์กรที่ทำงานด้านเด็กและเยาวชน โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการแถลงข่าว “เสียงเยาวชน: ต้องการให้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย” เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนมีเวทีสื่อสารให้สังคมและผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคประชาสังคม โดยมีนายอนวัช แจ่มจันทร์ ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ร่วมแถลงข่าวปกป้องเด็กและเยาวชนจากการเสพติดบุหรี่ไฟฟ้า ณ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น จตุจักร กรุงเทพฯ
ด้านนายอนวัช แจ่มจันทร์ ผู้ช่วยเลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า “ยท. ได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร และอาสาสมัคร ยุว อสม. ในพื้นที่ กทม. เฝ้าระวังข้อมูลร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง พบว่าร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามีความพยายามเลือกที่ตั้งร้านใกล้สถานศึกษา ถึง 72 ร้านค้า (ข้อมูลปี 2567) มีรัศมีใกล้สถานศึกษาเฉลี่ย 500 เมตร เฉพาะเขตดินแดง มีร้านบุหรี่ไฟฟ้าสูงที่สุด โดยบริเวณมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในเขตดินแดง พบมีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าในรัศมี 300-500 เมตร สูงถึง 6 ร้าน เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทย ขาดการบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง แม้ที่ผ่านมาจะมีการบังคับใช้กฎหมายต่อเนื่อง แต่ยังคงไม่เพียงพอที่จะปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนไทย จึงขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยท่านนายกรัฐมนตรี เร่งรัดการบังคับใช้กฎหมายต่อไป”
ทั้งนี้มีข้อเรียกร้องของภาคีเครือข่ายที่ร่วมกันเสนอไว้ ในเวทีประชุมวิชาการบุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 22 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี ดังนี้
1. ขอให้รัฐบาลคงไว้ซึ่งนโยบายห้ามนำเข้าและห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เพิ่มการกำกับดูแล และมีการควบคุม รวมถึงป้องกันการแทรกแซงนโยบายของบริษัทบุหรี่และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
2. ขอให้ภาครัฐและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมาย จับกุมร้านค้าหรือผู้ที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง และอาจหาแนวทางเพิ่มบทลงโทษให้สูงขึ้น รวมถึงเฝ้าระวัง และควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จของอุตสาหกรรมของบุหรี่ไฟฟ้า
3. ขอให้รัฐบาลและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการศึกษา ครอบครัว และชุมชน เร่งสร้างความรู้เกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปรวมถึง ให้เพิ่มเนื้อหาความรู้ เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในหลักสูตรการศึกษาหรือจัดให้มีกิจกรรมเสริมหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
4. ขอให้ภาครัฐและกระทรวงที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการดำเนินงานด้านการวิจัย และการจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อสุขภาพของ เด็ก เยาวชน และประชาชน รวมถึงนำผลการวิจัยไปใช้ในการปรับปรุงนโยบายและกฎหมายควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า