เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมเอเชีย เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย(ยท.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาษีเครือข่าย เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) สถาบันการศึกษา สำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมแถลงข่าวเปิดผลสำรวจพฤติกรรมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าของเด็กและเยาวชนในมิติเศรษฐศาสตร์ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ สร้างรากฐานที่มั่นคง" เนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ 2568 : เริ่มต้นคนใหม่ ใน Happy New Life จากผลสำรวจพบว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาสูบในเยาวชนไทยปี 2565 พบว่า สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นจาก 3.3% เป็น 17.6% หรือเพิ่มขึ้น 5.3 เท่า จากปี 2558 ส่วนข้อมูลรายจ่ายครัวเรือนไทยปี 2566 พบว่า ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปโภคบริโภคถึง 87% รายจ่ายสูงสุด คือ อาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ คิดเป็น 35.5% โดยเฉพาะครอบครัวที่มีรายได้น้อย มีค่าใช้จ่ายการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงกว่าครอบครัวรายได้สูงถึง 6 เท่า และใช้เงิน 21.5% ของรายได้ไปกับการสูบบุหรี่ ทำให้เหลือเงินสำหรับใช้จ่ายด้านอื่นที่จำเป็นน้อยลงก่อให้เกิดหนี้สินเพิ่มขึ้น
โดยนายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) กล่าวว่า จากผลวิจัยถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจของสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ไทยกำลังเผชิญสภาวะทางเศรษฐกิจ ประชาชนส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ต้องยอมรับว่าเด็กและเยาวชนระดับมัธยมศึกษาหรืออุดมศึกษายังไม่ได้ประกอบอาชีพ รายได้ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวหรือผู้ปกครอง การที่เด็กและเยาวชนสูญเสียเงินซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเฉลี่ยเดือนละ 2,245 บาทหากนำเงินจำนวนนี้มาออมหรือลงทุนทุกเดือน 30 ปี (360 เดือน) และมีอัตราผลตอบแทนการฝากเงินหรือลงทุนรวมกันประมาณ 5% ต่อปี จากการคำนวณผ่านโปรแกรมคำนวณเงินออมของธนาคารแห่งประเทศไทย จะทำให้มีผลตอบแทนรวมกับเงินต้นที่ออมหรือลงทุนสูงถึง 1,879,355 บาท แบ่งเป็นเงินต้น 808,200 บาท และดอกเบี้ยหรือผลกำไร 1,071,155 บาท
สถาบันยุวทัศน์ ฯ จึงเห็นความสำคัญของการวางแผนทางด้านการเงินของคนรุ่นใหม่และการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จึงขอใช้โอกาสเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2568 เชิญชวนเด็กและเยาวชนไทยเริ่มต้นคนใหม่ ในปีใหม่ ตามแนวคิด “Happy New Life” คือมีความสุขในชีวิตทั้งมิติสุขภาพและมิติทางด้านการเงิน ด้วยการเปลี่ยนเงินที่ซื้อบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าที่ไม่จำเป็นต่อร่างกายมาเป็นเงินออมและลงทุนเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงของครอบครัวในอนาคตต่อไป